วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561

hello omega ; minhwan

hello omega
minhyun x jaehwan







            ของที่วางนิ่งอย่างสงบอยู่บนโต๊ะคือปลอกคอผ้าสีดำปักดิ้นสีทองประดับให้ดูสวยงาม ข้างๆ ไม่ห่างจากปลอกคอนั่นเท่าไหร่ คือซองยาที่คุ้นเคยมาตลอดเกือบทั้งชีวิต


            ถึงใครๆจะบอกว่ามันโชคเกอร์ที่เขาใส่ไว้เป็นแฟชั่น แต่ในสายตาคิมแจฮวาน มองอย่างไรมันก็ไม่ต่างจากปลอกคอหนังสีน้ำตาลในกระเป๋าเขาซักนิด



            คิมแจฮวานถอนหายใจ มือเรียวหยิบโชคเกอร์อันนั้นขึ้นมาทาบลงบนลำคอขาวของตนเอง อ้อมปลายไปด้านหลังเพื่อสวมมัน นึกอยากจะมีตาหลัง จะได้สวมเจ้าสร้อยบ้าๆนี่ได้อย่างสะดวก หรือไม่ก็อยากให้มันมีที่รัดด้านหน้าเหมือนกับปลอกคอของเขา แต่จะให้ดี แจฮวานก็ไม่ได้อยากใส่มันเลย


            "อ้ะ.."


            ร่างเล็กอุทานเบาๆตอนที่มือเย็นเฉียบของใครบางคนแตะลงบนหลังมือของเขา ชิงเอาโชคเกอร์สีดำไปจากมือ ก่อนจัดการสวมให้เขาอย่างรวดเร็ว



            ตาเรียวมองฮวังมินฮยอนผ่านกระจกแต่งตัวบานใหญ่ พี่ชายร่วมวง ภาพลักษณ์ฝ่าบาทแสนใจดีกำลังยืนทำหน้าบูดอยู่ด้านหลังเขา อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจ ก่อนเงยหน้าสบตากับแจฮวานในกระจก



            "กินยาแล้วใช่มั้ย"

            "ครับ"




มินฮยอนถอนหายใจอีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะถอนหายใจทำไมนักหนา มือใหญ่ที่วางอยู่บนบ่าเล็กนั่นออกแรงบีบเบาๆ แจฮวานรับรู้ได้ถึงความกังวลของอัลฟ่าด้านหลัง เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนที่มินฮยอนย่อตัวนั่งลงกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง ฝังใบหน้าลงกับหลังคอเขา พร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างออดอ้อน

หมาป่าจ่าฝูงอะไร่ล่ะ ลูกหมาชัดๆ

ไม่อยากให้เราใส่เลย
ไม่ใส่เดี๋ยวก็เป็นเรื่องสิครับ งานวันนี้ยิ่งคนเยอะอยู่ด้วย

ประโยคที่พูดออกมา พาลทำให้แจฮวานนึกไปถึงช่วงที่แข่ง produce101 ช่วงที่กำลังเตรียมแข่งรอบที่สองอยู่นั้น ตอนที่กำลังซ้อมเล่นกีตาร์อยู่ในห้องกับพี่มินฮยอนสองคน เขาผิดเองที่ประมาทไป กะวันฮีทของตัวเองผิดพลาด ไม่บอกคนอื่นในทีมโซนากีว่าเขาเป็นโอเมก้า แถมยังคอเปลือยเปล่าอยู่กับอัลฟ่าสองตนสองในห้องซ้อมแคบๆอีก

ความเจ็บปวดจากคมเขี้ยวอัลฟ่าหนุ่ม แจฮวานยังจำได้

นับว่ายังโชคดี ที่คืนนั้นเป็นฮวังมินฮยอน

ถึงจะกินยาเข้าไปแล้ว แต่กลิ่นหอมของโอเมก้าก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว มันยังคงเรียกความสนใจจากอัลฟ่าคนอื่นที่เดินผ่านไปมาได้อยู่ดี แจฮวานเห็นมินฮยอนหันไปมองคังแดเนียล อัลฟ่าอีกคนในวงที่เดินผ่านมาโดยบังเอิญตาขวาง จ้องอยู่นานเสียจนแดเนียลบ่นงืมๆงัมๆออกมาว่าจะหวงอะไรนักหนา

ก็จริง ในวอนนาวันใครเขาก็รู้ ว่าคิมแจฮวานน่ะแตะไม่ได้หรอก

ร่างเล็กหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเป็นลูกหมาป่าหวงของของพี่ชายร่วมวง มือเรียวยกขึ้นแตะข้างแก้มเนียน อมยิ้ม ก่อนเอ่ยบอกกับอีกฝ่าย

พี่ไม่ต้องหวงผมขนาดนั้นก็ได้หน่า
ไม่หวงได้ไง อัลฟ่าในงานนี้มีเยอะแยะ ไม่ได้มีแค่พี่ซักหน่อยนะแจฮวาน

อัลฟ่าในวงก็มีแค่สี่คนพี่แกยังหวงขนาดนี้ แจฮวานไม่อยากจะคิดตอนขึ้นเวที จะขนาดไหนกันเชียว

ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
“..เฮ้อ..
ผมเป็นของพี่นี่นา

แผลเป็นที่หลังตอกย้ำเขาอยู่ทุกวัน

*
*
*

การใส่ปลอกคอเดินไปเดินมาในสถานที่คนพลุกพล่าน ก็เหมือนการห้อยป้ายบอกชาวบ้าน ว่าเป็นโอเมก้า

ฮวังมินฮยอนได้ยินแฟนบอยข้างล่างคุยกันตอนช่วงก่อนเริ่มแสดงเพียงไม่กี่วินาที ดูท่า การที่คิมแจฮวานเป็นโอเมก้าจะเป็นเรื่องฮือฮาของคืนนี้

ลำพังแค่ใส่โชคเกอร์ คนอื่นอาจจะคิดแค่ว่าเสียงหลักของวงใส่เพื่อให้เขากับเสื้อผ้าในการแสดงคืนนี้ แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาตามลมก็ทำให้ชาวบ้านรู้ได้ว่าในวงมีโอเมก้าอีกคนนอกเหนือจากจำนวนที่รู้กันอยู่แล้ว

ลำพัง.. แค่ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักก็เป็นที่สนใจไปทั่วอยู่แล้ว ยิ่งพอมีกลิ่นหอมติดตัว มีปลอกคอกันกัด (ถึงจะเส้นเล็ก) ติดคออยู่ อัลฟ่าในงาน ทั้งชายทั้งหญิงก็ยิ่งสนใจในตัวอีกฝ่ายขึ้นมากเป็นเท่าตัว

อาทิตย์ก่อนมินฮยอนก็ถามแจฮวานแล้ว ว่าแน่ใจใช่มั้ยว่าช่วงฮีทของตัวเองจะไม่มาในช่วงที่วงมีงานรัวๆแบบนี้ เจ้าลูกหมานั่นพยักหน้า ฉีกยิ้มตอบเขาอย่างมั่นใจเหลือเกินว่าช่วงฮีทของตัวเองมันอีกสามอาทิตย์

แต่เช้าวันนี้ กลิ่นหอมหวานคละคลุ้งไปทั่วหอ แจฮวานนอนขดตัวอยู่บนเตียงชั้นสอง ไลควานลิน ลูกหมาป่าฝึกหัดเป็นคนเดินออกมาบอกมินฮยอนว่าเหมือนแจฮวานจะไม่สบาย น้องยังไม่เข้าใจอาการฮีทนัก แต่แก้มแดงๆสองข้างของควานลินหลังจากที่มาบอกเขาว่าแจฮวานแปลกไป ก็ทำให้มินฮยอนต้องกันทุกคนอัลฟ่าทุกคนในวงออกห่างจากแจฮวาน ไม่เว้นแดเนียลเพื่อนสนิทของคนตัวเล็ก (เว้นตัวเขา-- ก็เขาเป็นอัลฟ่าของแจฮวานนี่)

ยาในกระเป๋าเป็นยาระงับอาการฮีทแบบไม่รุนแรงมากนัก มันแค่เพียงบรรเทาอากาศร้อนรุ่มภายในเท่านั้น แจฮวานโดนคุณหมอตักเตือนเรื่องการใช้ยา เพราะเจ้าตัวใช้มันหนักในช่วงที่กำลังแข่งขัน ช่วงนี้จึงต้องลดลงบ้าง เพราะเดี๋ยวร่างกายจะดื้อยาเอาเปล่าๆ

เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว จะไม่ไปงานเย็นวันนี้ก็ไม่ได้ แจฮวานเองก็ไม่อยากจะทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย งานกาโยแดจอนวันนี้ คิมแจฮวานก็เลยต้องมาทั้งที่มีอาการฮีทอย่างช่วยไม่ได้

โชคเกอร์ที่คนใส่ควรจะเป็นฮวังมินฮยอนถูกยกให้แจฮวานใส่ ด้วยเหตุผลที่ว่าให้ใส่ปลอกคอกันกัดที่เป็นหนังสีน้ำตาลเส้นใหญ่ขึ้นเวทีคงจะดูไม่งาม

ใจเย็นเพื่อน

องซองอูกระซิบ ตอนที่เห็นมินฮยอนมองเสียงหลักของวงตาไม่กะพริบ อีกไม่กี่นาทีงานจะเลิกแล้ว กลิ่นหอมๆนั่นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าว่ายาระงับของแจฮวานกำลังจะหมดฤทธิ์ อัลฟ่าหลายคนในงานเริ่มตามหาที่มาของกลิ่น บางคนพบแล้ว เพราะโชคเกอร์ที่อีกคนใส่ไว้ และบางคนที่ว่าก็จ้องแจฮวานของเขาตาไม่กะพริบ

เย็นห่าอะไรวะ จะไม่ทนแล้วเนี่ย
หน่า-- งานจะเลิกแล้ว
สำหรับวันนี้ ขอบคุณมากค่า~”

เสียงเอ็มซีดังขึ้น พร้อมๆกับพลุกระดาษที่ถูกปล่อยออกมาหลังจากงานจบ เพลงงานวันปีใหม่ดังขึ้น หลายคนได้ไมค์ไปถือไว้สำหรับร้องเพลง วอนนาวันก็มีพัคจีฮุนที่ปีนี้อายุยี่สิบเป็นคนถือไมค์ไว้

ฮวังมินฮยอนเร่งรีบปลีกตัวออกจาก ตรงไปหาแจฮวานที่ยืนปรบมือไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาเหมือนช้าไปหนึ่งก้าว ใครบางคนถึงตัวแจฮวานก่อน มือใหญ่นั่นวางลงบนเอวสอบ เจ้าลูกหมาตกใจสะดุ้งสุดตัว อัลฟ่าคนนั้นก้มกระซิบลงข้างหู

ฝ่าบาทของวงเริ่มจะหงุดหงิด เขากล่าวขอโทษคนที่ถูกเขาเดินชนจนเกือบปลิว มินฮยอนไม่มีเวลาจะขอโทษอะไรมากความมากนัก ภาวนาให้อีกฝ่ายไม่โกรธมากแล้วกัน เพราะเขากำลังรีบ สองเท้าเร่งความเร็วเข้าประชิดตัวโอเมก้าของเขา

ขอโทษนะครับ

และในที่สุด เขาก็ถึงตัวแจฮวานจนได้

มินฮยอนคว้าเอวสอบมาชิดตัว ดึงแจฮวานให้หลุดออกจากอ้อมกอดของอัลฟ่าที่ไม่คุ้นเคย ก่อนเขาจะวาดยิ้มหวานอย่างที่ชอบทำ หากประโยคที่เปล่งออกมาแสนจะไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

ยุ่งกับของคนอื่นมันไม่มีมารยาทนะครับ

*
*
*

            บันไดหนีไฟเงียบไม่หยอก

            เงียบเกินไปจนได้ยินเสียงหอบหายใจ เสียงกระทบกันของเนื้อหนัง และเสียงชื้นแฉะลามก ฟังแล้วพาลจะหน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ

            ความจริง มินฮยอนชอบเวลาแจฮวานใส่ปลอกคอ

            ปลอกคอหนังสีน้ำตาลที่เมื่ออยู่บนลำคอขาวมันทำให้แจฮวานดูเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

            แต่พอเปลี่ยนมาใส่โชคเกอร์สีดำปักดิ้นทองนี่

            มันเซ็กซี่เป็นบ้า

            ไม่อยากทะนุถนอม อยากทำแรงๆ ไม่ให้ไปน่ารักเรี่ยราดที่ไหนได้อีก

เขาก้มลงจุมพิตหลังคอขาว ใช้ปากปลดโชคเกอร์เส้นเล็กนี่ทิ้งอย่างง่ายดาย แลบลิ้นลิ้มรสหวานของโอเมก้าในอาณัติ

            “อ๊ะ-- พี่มินฮยอน…”

            ฝังเขี้ยวคมลงบนหลังคออย่างคุ้นเคย แจฮวานร้องเสียงหลง ทั้งความเจ็บแสบจากรอยกัดที่ต้นคอ ทั้งความอุ่นร้อนที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา

            ใช้เวลาอยู่ซักพักพวกเขาถึงจะออกจากบันไดหนีไฟได้ เพราะมินฮยอนต้องทำความสะอาดเจ้าตัวเล็กให้เรียบร้อย เขาเอาถอดเสื้อคลุมของแจฮวานออก ถือไว้ด้วยมือซ้าย พร้อมกับกำโชคเกอร์เส้นบางของอีกฝ่ายไว้แน่น มือขวาโอบเอวสอบ พาเดินพยุงออกจากบันไดหนีไฟไปยังห้องพักของวอนนาวัน

            เราเดินสวนอัลฟ่าคนเดิมที่ทักแจฮวานบนเวที ตาคมมองอีกฝ่าย คาดว่ากลิ่นหอมของโอเมก้าที่ฮีทเต็มที่คงทำให้หมอนั่นหันมาสนใจ แต่ว่านะ ถึงกลิ่นหอมของแจฮวานจะฟุ้งไปไกลขนาดไหน แต่กลิ่นนั้นก็เจือด้วยกลิ่นของอัลฟ่าจ่าฝูงซักคน ที่ขนาดอัลฟ่าด้วยกันได้กลิ่นยังทำให้ไม่อยากเข้าใกล้

            ไหนจะรอยเลือดที่เลอะปกเสื้อแจฮวานอีก

            “ทิ้งนะ

            มินฮยอนว่า ทิ้งโชคเกอร์เส้นเล็กลงถังขยะตอนที่เดินผ่าน

            อาจจะดูโรคจิต แต่รอยเขี้ยวของเขาน่ะ

            มันแสดงออกว่าแจฮวานมีเจ้าของชัดยิ่งกว่าปลอกคอบ้าๆนั่นเสียอีก :)

*
*
*

#ฮลพด
180101

อย่าสาปน้อง….

เห็นแจฮวานใส่โชคเกอร์เมื่อวานแล้วคิสดีมั่ยดั้ยเรย ;--;

ฮือ ยังไม่หายเป็นโรคเขินเวลาเขียนเอ็นซี เอาไปแค่นี้ก็พอเด้อ ฮือ

ฝาก #ฮลพด ในทวิตด้วยน้า ;--;

เจอกันเรื่องหน้าจ้า


           











0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้