วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

#ร้านไอ้หมวย special ; คินกุ๊ก


#ร้านไอ้หมวย คินกุ๊ก’s part

คิน - คณานนท์
กุ๊ก - วาโย
แดน - ดรัณ
เจเจ - ครองภพ
มิน - มิลินท์


*เหตุการณ์ก่อนหน้าวาโยจะได้เป็นหลีดสีแดง :D














            วาโยยังจำวันที่เจอเพื่อนคนนั้นครั้งแรกได้

            หมอนั้นที่เป็นเด็กผู้ชายตัวสูงตามแบบฉบับนักกีฬาบาสเกตบอล ผิวขาวหยวกตามประสาเด็กเมือง หน้าตาดีเหมือนพวกนายแบบในนิตยสาร และสองมือที่ประสานกันไว้แน่น ตาเรียวที่สั่นไหวด้วยความตื่นเต้นตอนที่ออกไปยืนหน้าชั้นเรียนเพื่อแนะนำตัว

            คณานนท์ครับ

            เสียงปรบมือตามมารยาทดังขึ้น อาจารย์ประจำชั้นผายมือให้เด็กใหม่เดินไปหาที่นั่งเอง ด้วยเพราะย้ายเข้ามากลางเทอมที่นั่งทั้งหลายจึงถูกจับจองไว้หมดแล้ว จะเหลือว่างก็มีแต่ที่ที่ทำเลไม่ดีอย่างด้านหลังของดรัณ นักกีฬาฟุตบอลที่ตัวหนาจนน่าจะบังกระดานได้มิด 

            แต่เขาคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเพื่อนใหม่ที่ว่าก็ตัวสูงชะลูดเช่นกัน

            หวัดดี เรากุ๊กนะ

            เขาหันไปหาเด็กใหม่ แนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มให้ ยิ้มที่เพื่อนสนิทเขามักจะบอกว่ามันเป็นยิ้มการค้า เพราะมองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าตอแหลสุดๆ

หวัดดีเราคิน

วาโยยังจำได้

รอยยิ้มเก้ๆกังๆตอนที่แนะนำตัวเอง กับเสียงนุ่มทุ้มนั่น

เขายังจำได้แม่น













คณานนท์จำวันที่เขาแพ้เลือกตั้งกรรมการนักเรียนได้ดี

เขาเป็นเด็กที่รักการแข่งขัน ดังนั้นก็เลยไม่ปฏิเสธตอนที่รุ่นพี่มาชวนเข้าพรรคสมัครประธานนักเรียนด้วยกัน และยังจำความรู้สึกวันที่แพ้เลือกตั้งได้ดี เขาหน้าชา พูดไม่ออก เพราะคะแนนของอีกพรรคนั้นนำหน้าเขาแบบทิ้งห่าง

คณานนท์เป็นเด็กชอบแข่งขัน

ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบที่ตัวเองแพ้

เขายังจำวันที่ยืนมองประธานนักเรียนคนใหม่ยืนคุยกับเพื่อนของวาโยได้ เพื่อนของวาโยที่คณานนท์ไม่ค่อยสนิทนัก เพราะเราอยู่กันคนละห้อง เจอกันแค่ตอนเที่ยงกับเลิกเรียน แต่เขาคิดว่าหลังจากนี้เขาจะทำตัวให้สนิทๆกับเพื่อนคนนั้นแล้วล่ะ

ไหนรางวัลกู ได้เป็นประธานแล้วเนี่ย
ไม่มี
โห ไอ้เด็กขี้จุ๊ ไหนบอกจะให้รางวัลกู

มิลินท์เป็นรุ่นพี่ม.5 เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงได้สนิทกับครองภพที่อยู่ม.4นัก หากเขาไม่ชอบภาพนั้นที่คนตัวสูงกว่าลูบหัวเจ้าเตี้ยนั้นด้วยความเอ็นดู ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะถูกปัดมือออก

คณานนท์จำได้ตั้งแต่เกิด

ว่าเขาชอบเอาชนะขนาดไหน









            วาโยยังจำวันที่เพื่อนสนิทของเขาบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วได้ดี ยังจำสายตาที่มองเด็กผู้ชายที่นั่งตรงข้ามได้ไม่ลืม ยังจำได้แม่นว่ารู้สึกวูบโหว่งขนาดไหน

            คินชอบเจเจ

            หมอนั้นเลือกจะบอกเขาเป็นคนแรก หากเขาไม่ได้อยากรู้คนแรก เลือกได้ เขาไม่อยากจะรู้เลยด้วยซ้ำว่าเพื่อนใหม่ของเขา ชอบเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งมัธยมต้นของตัวเอง

            และใช่--เขาชอบคิน

            เรื่องนี้ไม่มีใครรู้หรอก นอกจากกำแพงที่บ้าน

            วาโยรู้ว่ามันออกจะงี่เง่า

            รักนะครับผัวคนข้างๆเขาว่าในตอนที่เพื่อนๆในกลุ่มแซ็วว่าพวกเขาเหมือนคู่รักกันเขาไปทุกที มือใหญ่นั้นกอดเขาแน่น แนบใบหน้าลงกับลาดไหล่เขา เอ่ยออดอ้อนออเซาะตามมุกคนอื่นไป

            รักเหมือนกันครับเมียและเขาก็รับมุกต่อ เอื้อมมือไปกอดตอบคณานนท์ให้ได้เสียงหัวเราะและโห่แซ็วจากเพื่อนๆในกลุ่ม

            เขานึกว่าเพื่อนคนนี้จะคิดเหมือนกัน

            แต่เปล่า คณานนท์ก็แค่เป็นคนติดตลกที่มักจะรับมุกเพื่อนๆเสมอ

            วาโยไม่เคยลืม

            ว่าเขาต้องเก็บความลับนี้เอาไว้ให้ลึกที่สุดในใจ













            พวกเขาไม่ลืมคืนนั้นที่ต่างก็เมาทั้งคู่

หากวาโยเลือกที่จะลืม บอกเพื่อนสนิทของเขาว่าไม่เป็นไร เขาโอเค นึกเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น

แต่มันก็เกิดขึ้นซ้ำๆ

            ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ แล้วก็มีครั้งต่อไปเรื่อยๆ

            ทุกการกระทำตั้งอยู่บนเหตุผลงี่เง่า เพราะเราต่างรักสนุกกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์เขาและเพื่อนของเขาคืออะไร แฟนมั้ยก็ไม่ใช่ เพราะต่างก็ไม่ได้รักกัน

            ไม่สิ มีแค่ฝ่ายเดียวต่างหากที่รู้สึก

            ไอ้เหี้ยคิน! กูเจ็บ!
            โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวทำเบาๆละ

            หมอนั้นหัวเราะร่า ตอนที่ถูกเขาชกเข้าเต็มๆที่อกเปลือย เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องสี่เหลี่ยมเงียบๆ ผสมกับเสียงหอบหายใจของคนบนร่าง ส่งผลให้สีแดงกระจายอยู่บนใบหน้าของวาโยได้ไม่ยาก เขาจิกเล็บกับแผ่นหลังกว้างหลับตาปี๋เพราะไอ้เวรนี่ไม่เคยทำเบาอย่างที่ว่าไว้

            ทำไมมันถึงมาลงเอยแบบนี้ซ้ำๆน่ะหรือ ไม่รู้สิ-- วาโยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องยอมเสมอ ทั้งๆที่คณานนท์ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วเต็มอก

            แน่นอนไม่ใช่เขา

            เสร็จแล้วก็เอาออกซักทีสิวะ

            เขาว่า เอาเท้าถีบหน้าท้องแกร่งออกให้ห่าง หากคนเอาแต่ใจก็ไม่เคยพอ คณานนท์กอดเขาแน่น ฝังจมูกลงบนซอกคอสูดดมกลิ่นกายที่ผสมกับกลิ่นน้ำหอมของอีกฝ่าย ถึงจะเป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาใช้ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันมันถึงหอมกว่าบนเสื้อผ้าของเขา

            คนตัวสูงบรรจงจูบลงบนลำคอขาว ไล่มาจนถึงรอยสักบนไหปลาร้าของวาโย ไม่มีใครเคยเห็นหรอก เวลาไปโรงเรียนปกติชุดนักเรียนมันปิดไว้ตลอด มีแต่เขาเท่านั้นแหละที่เคยเห็น และเขาชอบมัน ถึงได้กดจูบซ้ำๆตรงรอยสักนั่น

            พวกเขาไม่เหมือนเด็กมัธยมปีที่ห้านักหรอก

            ความสัมพันธ์พวกนี้ก็ยากเกิดว่าเด็กอายุ17จะเข้าใจด้วย

            พอได้แล้ว กูเหนื่อย
            อีกรอบดิ
            ไม่เอาแล้ว!
            หน่า-- เป็นเด็กดีหน่อย

            ก็เป็นมาเสมอ

แต่ถึงดีขนาดไหน ก็ไม่เคยสนใจกันเลย

ความอึดอัดถูกถอดถอนออกไปเพียงไม่ถึงนาทีก็กลับเข้ามาแทนที่ความวูบโหว่งใหม่ กำปั้นขนาดเท่าหัวใจทุบไหล่คนตัวสูงกว้างอย่างเต็มแรง เขาบอกว่าพอแล้วทีไรก็ไม่เคยพอใจไอ้เวรนี่ซักที

เอาแต่ใจที่สุด

งั้นกูขออย่างหนึ่งได้มั้ยคิน
อะไรล่ะ
จูบกูหน่อย--ได้มั้ย

 คณานนท์อมยิ้ม ก่อนก้มประทับริมฝีปากที่คางมนอย่างแผ่วเบา แล้วเริ่มทำตามใจตัวเองอีกรอบ ตลกดีที่พวกเขาไม่เคยจูบกัน แต่มีอะไรกันมาจนขี้เกียจจะนับครั้งแล้ว

เขาก็เคยถามว่าทำไมไม่จูบเขาเลย

หมอนั่นก็ตอบเขาว่าใครจะจูบเพื่อนสนิทตัวเองกันล่ะ

นั่นสินะ

ใครจะทำแบบนั้น

กับเพื่อนสนิทตัวเองกัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้